Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

แม่อย่าขยันต้องขี้เกียจ 3 เรื่อง จะส่งผลดีกับลูก

แม่เป็นคนที่ต้องคอยดูแลงานบ้านแทบทุกอย่าง จัดระเบียบต่างๆ ภายในบ้าน และ โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ยิ่งต้องดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ เพราะ แม่ก็อยากเลี้ยงลูกและได้เห็นเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ

แต่โดยปกติแล้ว… คุณแม่มักจะไม่กล้าเลี้ยงลูกแบบปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะ กังวลว่าลูกจะทำอะไรหลายๆอย่างได้ไม่ดีพอ ต้องคอยอยู่ข้างๆช่วยเหลือลูกอยู่ตลอดเวลา แต่รู้ไหม ถ้าคุณแม่ลอง ” ขี้เกียจ ” แล้วปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะเป็นอิสระ ช่วยเหลือตนเองบ้างในบางเรื่อง มันจะส่งผลดีกับลูกมากกว่าที่คิด

วันนี้มีงานวิจัยเผยว่า 3 ข้อ ที่หากแม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หรือ มีส่วนช่วยเหลือลูกๆได้น้อยที่สุดจะส่งผลดีกับลูกมากที่สุด

1. ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน

มีคุณแม่คนหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้านให้ลูกชายเลย แม่จะเตือนลูกมากกว่าว่าเวลาไหนควรไปทำการบ้านได้แล้ว เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตรวจสอบว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง หรือ ให้เรียนรู้ว่าถูกหรือผิดจากที่โรงเรียน แม่มีหน้าที่แค่เซ็นชื่อเท่านั้น

ในตอนแรกลูกชายไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยบอกว่า “แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจการบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ขี้เกียจแบบนี้…?”

เธอตอบลูกชายไปว่า… ” ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ ลูกคิดดูสิ..!! หากแม่ช่วยลูกตรวจการบ้าน แล้วลูกจะรู้ได้อย่างไรว่าผิดตรงไหนบ้าง แล้วต่อไปลูกจะตรวจเองเป็นไหม…? ตอนสอบหากผิดลูกจะรู้ไหมว่ามันผิดตรงไหน จงจำไว้นะว่าในตอนนั้นไม่มีใครสามารถมาช่วยลูกตรวจข้อสอบได้ ลูกจะได้ฝึการตรวจความถูกต้อง และ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ”

ในห้องเรียนลูกจะเจอบทเรียนก่อน และ จึงจะได้ทำข้อสอบ แต่… ในโลกแห่งความเป็นจริงลูกจะได้เจอบททดสอบก่อน แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อพบเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญเอง หากคิดไม่ออกจริงๆค่อยถามแม่หรือขอคำแนะนำจากแม่ได้

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่างอิสระและคิดอย่างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เธอยังให้ความสนใจกับลูก และ ใช้วิธีการที่ชาญฉลาดเพื่อช่วยแก้ปัญหาเมื่อลูกมีปัญหา

2. แม่ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

คุณแม่เจียเจียเผยประสบการณ์ว่า เรื่องใดที่ลูกสามารถทำได้ เธอจะไม่เข้าไปช่วย ตัวอย่างเช่น เมื่อห้องนอนของเจียเจียยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบ แม่เตือนเจียเจียว่าควรจัดอย่างเรียบร้อย แต่ไม่เข้าไปจัดห้องให้ แต่เธอมีความสุขที่ได้เห็นเจียเจียเสร็จ

ช่วงเปิดภาคเรียน คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้ แต่เจียเจียทำไม่เป็น แม่จึงสอนเจียเจียห่อ 1 เล่มก่อน จากนั้นก็ปล่อยให้เจียเจียลองทำเองทั้งหมด

เจียเจียไม่อยากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ แม่ก็ไม่สนใจเธอได้แต่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมชี้นิ้วบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ ทำให้เจียเจียต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่ของเจียเจียบอกว่า “ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มาก แต่เจียเจียจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อปกหนังสือเองได้เลย ดังนั้นนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยให้เจียเจียห่อเอง แม้ว่าจะห่อไม่เรียบร้อยก็ตาม”

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียรในการช่วยเหลือลูก ในการทำสิ่งต่างๆ แต่ให้ลูก ทำเองเพื่อจะได้พึ่งพาอาศัย และ ไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน สร้างความรับผิดชอบให้กับตนเอง

3. แม่ขี้เกียจบ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติมโตด้วยตนเอง

ผู้ปกครองบางคนมักชอบกระตุ้นให้ลูกเรียนรู้ หากลูกไม่ทำตามที่ตนคาดหวังว่าจะให้ทำ หรือ สิ่งที่ตนเห็นว่าทำแล้วจะส่งผลดีต่อลูก ( ในความคิดของแม่ ) จนแม่บ่นตลอดทั้งวันไม่ยอมหยุด พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จนลูกไม่อยากฟัง และทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่แม่พูด

แต่แตกต่างจากครอบครัวนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ ฮาวฮาวเล่นเกมเป็นเวลานานมากและไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามเขาว่า… “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง…?”

ฮาวฮาวตอบว่า : “ขอเล่นอีก 10 นาที”

แม่ตอบกลับไปว่า… “โอเค ต้องรักษาคำพูดนะ”

พอผ่านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ฮาวฮาวก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิม แม่โกรธมาก แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์และพูดอย่างใจเย็นว่า… “ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่หรอ…?”

ในตอนนั้นฮาวฮาวเริ่มรู้สึกผิด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้านทันที…!!

นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้แม่ของฮาวฮาวเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง “การเป็นคนน่าเชื่อถือ” และ นั้นก็ทำให้ฮาวฮาวค่อยซึมซับเข้าไปในจิตใจ

ปกติแม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอ่านหนังสือ ทบทวนตำราเป็นอย่างมาก จึงได้ซื้อนิทานสร้างแรงบันดาลใจให้อ่านมากมาย และจากนิทานเหล่านี้ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตนเอง เสริมสร้างการควบคุมนิสัยของตนเอง การอดทนอดกลั้น ด้านจิตตานุภาพเพื่อให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

เราจะเห็นว่าแม่ลูกคู่นี้รักษาสัจจะที่ให้ไว้ และเมื่อถึงเวลาเขาก็ต้องรีบปิดและไปทำการบ้าน และนิทานที่แม่หาซื้อมาให้ก็มีตัวอย่างในการรักษาคำพูดมากมาย ทำให้ฮาวฮาวรู้สึกถึงการเป็นคนที่น่าเชื่อถือนั้นสำคัญมาก

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ชอบการบ่น แต่เธอขยันในการหาวิธีในการรับมือเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและคุณภาพที่ดีเยี่ยมให้ลูก

มันเป็นวิธีที่ดีมากในการปลูกฝังนิสัยบรรลุการเติบโตด้วยตนเอง ในบางครั้งผู้ปกครองควรปล่อยมือบ้าง โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาอันสมควร และรู้ว่าเวลาไหนควรใจแข็ง เวลาไหนควรใจอ่อน เวลาไหนควรขี้เกียจ

คุณควรเอาความกังวลเก็บไว้ในใจ จากนั้นลบปีกแห่งความกังวลออก ของคุณ และปล่อยให้เขาโบยบินไปด้วยวิธีนี้ของตนเอง และเพราะเหตุนี้ลูกนกจึงสามารถฝึกบินได้ด้วยตนเอง ทำให้มีปีกที่แข็งแรง สร้างนิสัยการศึกษาที่ดีและความสามารถอิสระ ช่วยเหลือตนเองได้

Share.