พฤติกรรมทำร้ายผิวที่สาวๆ หลายคนทำจนเคยชิน

อ่าน 1,994

พฤติกรรมทำร้ายผิว และทำลายความสวยที่สาวๆ หลายคนทำจนเคยชิน จะมีอะไรบ้างแล้วส่งผลเสียต่อความงามได้มากแค่ไหน ต้องตามมาดู

หลายครั้งที่การดูแลผิวพรรณหรือการเสริมสวยแบบไม่ระมัดระวัง มักจะทำให้ผู้หญิงเราเผลอทำลายความงามของตัวเองกันแบบไม่รู้ตัว ทั้ง หวีผมตอนเปียก, มัดผมตอนนอน, ทาเล็บบ่อยเกินไป หรือไม่เคยล้างแปรงแต่งหน้าเลย เป็นต้น แม้ว่าบางคนอาจมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ค่อยส่งผลต่อผิวหรือสุขภาพเท่าไรนัก แต่ความจริงแล้วพฤติกรรมเหล่านี้กลับทำร้ายความสวยของผู้หญิงเราได้มากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก

เพื่อให้สาวๆ ได้กลับมาสวยแบบใส่ใจตัวเองอีกครั้ง เราเลยขอเอา 15 พฤติกรรมทำร้ายผิว ทำลายความสวยที่สาวๆ ปฏิบัติจนเคยชินมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง รู้แล้วเลี่ยงเอาไว้เลยนะคะ

1. ใช้สบู่ล้างหน้า

เวลาที่ผู้หญิงเช็ดเครื่องสำอางด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์จนหมดจดแล้ว ก็มักจะไม่ใส่ใจในขั้นตอนการล้างด้วยโฟมล้างหน้าสักเท่าไร บางคนถึงขั้นหยิบเอาสบู่สำหรับผิวตัวมาล้างหน้าแทน แต่ในสบู่นั้นกลับทำให้ผิวเราพังมากกว่าที่คิด ควรหันมาเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับผิวพรรณเราโดยเฉพาะ คนผิวมันก็เลือกโฟมล้างหน้าสำหรับผิวมัน คนผิวแห้งก็เลือกโฟมสำหรับผิวแห้ง แล้วผิวหน้าของเราก็จะรักษาระดับน้ำมันได้พอดี ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป

2. ใช้ผ้าเช็ดตัวซับหน้า

ผ้าเช็ดตัวที่เราใช้กันทุกวัน ต้องผ่านการซับน้ำมาทั่วทั้งร่างกาย พอตากทิ้งไว้ก็อาจมีฝุ่นเกาะแบบที่มองตาเปล่าไม่เห็น ถ้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาเช็ดบนใบหน้าเราโดยตรง คงมีสิวบุกขึ้นหน้าเต็มไปหมดแน่นอน ฉะนั้น ควรเอาเทคนิคที่สาวเกาหลีหลายคนทำเป็นประจำมาลองใช้ดู นั่นคือ ใช้ฝ่ามือปาดน้ำที่ชุ่มฉ่ำบนผิวหน้าออกไปแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที ให้หน้าแห้งพอหมาดๆ จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนบำรุงผิวได้ วิธีนี้จะทำให้ครีมซึมเข้าผิวอย่างง่ายดาย และไม่เป็นสิวจากการเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้านั่นเอง

3. เปิดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางมานานเกินไป

ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดล้วนมีวันหมดอายุของมัน หากสาวๆ คนไหนชอบเปิดใช้ครีมบำรุง, ยาสระผม หรือเครื่องสำอางพร้อมๆ กันแล้วใช้ไม่หมด ก็ควรเก็บทิ้งอย่าไปเสียดาย เพราะถ้าฝืนใช้ต่ออาจทำผิวพังแบบไม่รู้ตัว เช่น มาสคาร่า เปิดแล้วใช้ได้ไม่เกิน 3-4 เดือน, ยาทาเล็บ 1 ปี, น้ำหอม 1-2 ปี, ครีมรองพื้น 2 ปี, ลิปสติก 2 ปี, ยาสระผม 2 ปี เป็นต้น

4. ดึงแปรงมาสคาร่าเข้า-ออกบ่อยๆ

การดึงแปรงมาสคาร่าเข้าๆ ออกๆ หลายครั้งติดกัน ด้วยหวังจะให้เนื้อมาสคาร่าติดแปรงออกมา เป็นความเชื่อและวิธีการแต่งหน้าที่ผิดพลาดมากๆ เพราะการทำแบบนี้ จะดึงอากาศให้เข้าไปในแท่งมาสคาร่า เนื้อของมันก็จะแห้งง่ายและเสื่อมเร็วกว่าเดิม สาวๆ ควรใจเย็นกว่านี้ แล้วใช้วิธีปัดมาสคาร่าลงบนขนตาสัก 2-3 รอบ แค่นี้ก็ได้ขนตาเรียงสวยหนายาว และรักษาเนื้อมาสคาร่าให้อยู่กับเราได้นานขึ้นแล้ว

5. ใส่คอนแทคเลนส์นอน

การใส่คอนแทคเลนส์เพื่อความสวยงามไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหากับดวงตาร้ายแรงอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่จะเกิดปัญหาทันทีถ้าเกิดเผลอใส่คอนแทคเลนส์ตอนนอน เริ่มจากอาการตาแดง ติดเชื้อที่ดวงตา ที่ร้ายแรงที่สุดคือเกิดปัญหาบางอย่างกับดวงตาแบบถาวรนั่นเอง ถ้ารู้ว่าตัวเองขี้เซา แอบงีบไปครั้งหนึ่งก็ตื่นจนเกือบเช้า ก็ควรถอดคอนแทคเลนส์ตั้งแต่ตอนกลับถึงบ้านน่าจะเป็นการดีกับดวงตาของเรามากที่สุด

6. ใช้แปรงแต่งหน้าที่ไม่สะอาด

สาวๆ ที่ใช้แปรงแต่งหน้าตัวเองทุกวันอาจรู้สึกว่าแปรงนั้นก็สะอาดดีอยู่แล้ว อีกทั้งก็ใช้แค่บนใบหน้าของเราเอง คงไม่มีความจำเป็นต้องล้างแปรงนั้น แต่ความมันและเหงื่อบนหน้าเรา ก็ล้วนมีแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกสะสมอยู่ ถ้าไม่ล้างแปรงแต่งหน้าเลย หน้าอาจเกิดสิว ดวงตาก็อาจติดเชื้อได้ ดังนั้นแล้ว สาวๆ ควรล้างแปรงแต่งหน้าด้วยแชมพูหรือสบู่สำหรับเด็กสัปดาห์ละ 1 ครั้ง น่าจะดีต่อผิวพรรณมากกว่า

7. ขัดผิวทุกวัน

แม้ว่าการขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างอ่อนโยน แต่ถ้าขัดบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองถึงขั้นลอก, แห้ง และเป็นแผลได้ สาวๆ ที่รักผิวควรขัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครผิวแห้งก็ควรขัดไม่เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์

8. ข้ามขั้นตอนทาครีมกันแดด

หากวันไหนมีโปรแกรมที่จะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตอนช่วงกลางวันแล้วต้องแต่งหน้าแบบจัดเต็ม สาวๆ หลายคนเลือกที่จะข้ามขั้นตอนการทาครีมกันแดดไป ด้วยกลัวว่าครีมกันแดดนั้นจะทำให้หน้ามันเยิ้ม แต่การข้ามขั้นตอนนี้ยิ่งทำให้สาวๆ มีปัญหาตามมาภายหลังได้ทั้ง ฝ้า, จุดด่างดำ, ริ้วรอยก่อนวัย และผิวคล้ำเสีย เพื่อเลี่ยงสิ่งเหล่านี้และไม่อยากให้หน้ามันเยิ้ม ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตร Water Base และมี SPF ไม่เกิน 30 จะช่วยปกป้องผิวและเครื่องสำอางก็จะติดทนนานทั้งวันอีกด้วย

9. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

เวลาที่ต้องออกไปทำงานหรือเที่ยวเล่นข้างนอก สาวๆ หลายคนเลือกที่จะไม่ดื่มน้ำเปล่ามากนัก ด้วยกลัวว่าจะต้องลำบากเข้าห้องน้ำบ่อยๆ แต่การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็ส่งผลเสียได้มากมายอย่างที่เราคาดไม่ถึง ทั้งปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ, ริ้วรอยก่อนวัย, ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีจนก่อให้เกิดความอ้วนตามมา เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้แบบตรงจุด สาวๆ ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร แค่นี้ก็สวยผุดผ่องจากภายในโดยไม่ต้องกินอาหารเสริมใดๆ แล้ว

10. ทาโรลออนหลังโกนขนใต้วงแขน

ในช่วงเวลาเร่งด่วนสาวๆ บางคนมักเลื่อนขั้นตอนการโกนขนมาไว้ก่อนช่วงแต่งตัว เพื่อที่โกนเสร็จแล้วจะได้ทาโรลออนต่อทันที แต่การทำแบบนี้ส่งผลเสียต่อผิวใต้วงแขนถึงขั้นดำคล้ำได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนมาโกนขนรักแร้หลังอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ทาครีมบำรุงผิวใต้วงแขนเพิ่มความชุ่มชื้น เพียงเท่านี้รักแร้ก็จะเรียบเนียนขาวใสไม่ระคายเคืองแล้ว

11. หวีผมตอนเปียก

หลังจากสระผมเสร็จแล้ว รูขุมขนบนหนังศีรษะจะยังเปิดอยู่ แล้วก็คงผลิตน้ำมันออกมาเรื่อยๆ เมื่อเราใช้หวีมาหวีผมตอนนี้ จะยิ่งกระตุ้นรูขุมขนและน้ำมันมากขึ้น ทำให้หนังศีรษะมันเร็วและเส้นผมก็ขาดร่วงง่าย ดังนั้นควรรอให้ผมแห้งสนิทแล้วค่อยใช้หวีมาจัดระเบียบทรงผม จะช่วยลดความมันของเส้นผมลง และเพิ่มความแข็งแรงให้ผมเราขึ้นอีกเยอะเลย

12. ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป

เส้นผมของเรามีความอ่อนแอและแห้งเสียง่ายมาก ถ้าสาวๆ ใช้ความร้อนมาจัดแต่งหรือเป่าผมให้แห้งเป็นประจำ อาจทำให้ผมเราแห้งกรอบแตกปลายได้ ดังนั้นก่อนจะใช้อุปกรณ์ทำผมที่มีความร้อน ควรหาครีมสำหรับป้องกันความร้อนมาเคลือบก่อน 1 ชั้น เสร็จแล้วจึงใช้เซรั่มบำรุงแบบไม่ต้องล้างออกมาทาหลังเป่าผมหรือดัดผมเสร็จ เพียงเท่านี้เส้นผมของเราก็จะสวยเงางามไปได้อีกนานแล้ว

13. มัดผมตอนนอน

เส้นผมที่ยาวเกินไป บางครั้งก็ทำให้สาวๆ เกิดความรำคาญใจจนถึงขั้นมัดผมนอนเลยก็มี แต่การทำแบบนี้นอกจากจะต้องตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวเพราะโดนยางมัดผมรั้งไว้แล้ว ผมของเราก็จะอ่อนแอและขาดร่วงได้ง่ายด้วย ถ้ารำคาญเส้นผมที่ทิ่มแทงระคายเคืองผิวจริงๆ ก็ลองหาตาข่ายมาคลุมผมนอนจะดีกว่า

14. อาบน้ำอุ่นเป็นประจำ

การอาบน้ำอุ่นช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับสบายขึ้นก็จริง แต่ผิวที่โดนน้ำอุ่นถึงร้อนนานๆ ก็อาจแห้งเสียจนถึงขั้นแสบลอก แถมรูขุมขนบนใบหน้ายังกว้างขึ้นได้ด้วย ถ้าเลี่ยงน้ำอุ่นไม่ได้จริงๆ หลังอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ใช้น้ำเย็นราดตัวอีกประมาณ 30 วินาที จะช่วยปิดรูขุมขน ลดอาการผิวแห้งลงได้

15. ไม่เคยเปลี่ยนปลอกหมอน

ปลอกหมอนที่เราใช้นอนอยู่ทุกวัน มีทั้งฝุ่นแป้ง เหงื่อ และความมันจากผิวเกาะอยู่เต็มไปหมด หากใครนอนโดยไม่เปลี่ยนปลอกหมอนเลยอาจทำให้เกิดผื่นหรือสิวขึ้นตรงแก้มได้ง่ายมาก หรือบางครั้งอาจเกิดภูมิแพ้เพราะฝุ่นในปลอกหมอนเลยก็เป็นได้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ควรเปลี่ยนปลอกหมอนทุกๆ สัปดาห์ หรือถ้าเป็นคนผิวมันมากๆ จะเปลี่ยนปลอกหมอนทุกๆ 3 วันเลยก็ได้

ทั้งหมดนี้คือ 15 พฤติกรรมทำร้ายผิวและความสวย รวมไปถึงทำลายสุขภาพแบบที่สาวๆ ไม่เคยรู้มาก่อน เมื่อรู้แล้วหากใครที่อยากจะเป็นคนสวยก็หยุดทำพฤติกรรมเหล่านี้กันเถอะนะคะ


สกินแคร์

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่