Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอถือเป็นเรื่องที่ดี และควรทำให้เป็นนิสัย แต่ก็ต้องมีข้อยกเว้น หรือต้องดูความพร้อมของร่างกายเช่นกันนะคะว่าวันนี้คุณสามารถออกกำลังกายได้ไหม ไม่เช่นนั้นอาจได้รับผลเสียมากกว่าส่งผลดีต่อร่างกายของเรานะคะ !!


: pinterest.com

1. มีไข้ไม่สบาย หรือเพิ่งฟื้นไข้

เวลาเป็นไข้หรือหลังจากเพิ่งฟื้นไข้ ร่างกายจะอ่อนเพลียมากกว่าปกติ หากคุณดันทุรังไปออกกำลังกายในช่วงนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าเดิน และจะทำให้หายไข้ช้ายิ่งขึ้นไปอีก

2. หลังจากกินอิ่มๆ

หลังจากเพิ่งกินอาหารอิ่มเสร็จใหม่ๆ ร่างกายจะต้องทำการย่อยอาหารที่ลงไปในลำไส้ และกระเพาะอาหาร  ซึ่งระบบไหลเวียนเลือดจะต้องมาช่วยในกระบวนการย่อยนี้ด้วย หากไปออกกำลังกายหลังกินอาการเสร็จใหม่ๆ ร่างกายจะต้องแบ่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทั้งในส่วนย่อยอาหาร และกล้ามเนื้อในส่วนที่ออกกำลังกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อหย่อนสมรรถภาพ และเป็นตะคริวได้ง่าย และคุณอาจจะจุกเสียดระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย!


: pinterest.com

3. อากาศร้อนมากๆ

พูดเลยว่าถ้าไม่แกร่งหรือออกกำลังกายเป็นประจำอย่างพวกนักกีฬา สาวๆ มีสิทธิ์เป็นลมหมดสติได้ง่ายๆ เพราะการออกกำลังกายในอุณหภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าวจะทำให้ร่างกายจะสูญเสียเหงื่อและน้ำมากกว่าปกติ ซึ่งมีผลทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า เพราะเสียน้ำในร่างกายเยอะนั่นเองค่ะ

4. รู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่เคย

มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยผิดปกติกว่าทุกวัน อย่าฝืนความรู้สึก และคิดว่าหากลุกไปออกกำลังกายคงหายเหนื่อย และรู้สึกสดชื่น เพราะนั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างแรง ฝืนไปออกเผลอๆ คุณอาจเป็นลมหรือพลาดท่าได้รับอันตรายกลับมาก็เป็นได้!

5. มีอาการใจเต้นผิดปกติ

รู้สึกใจสั่นหวิวๆ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ สาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าในหัวใจหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ จึงส่งผลให้มีอาการใจเต้นผิดปกติ ซึ่งอาจจะเร็วหรือช้ากว่าปกติก็ได้


: pinterest.com

6. มีอาการหายใจติดขัด

มีอาการหายใจลำบาก หายใจไม่ทัน หรือหายใจไม่สะดวก หายใจติดขัดอาจจะเกิดจากสภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด  ความกลัว ความตื่นเต้น หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย อาทิ ผอมไป อ้วนไป หรืออาจจะเป็นโรคภูมิแพ้ ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด และอย่าได้ไปออกกำลังกายในสถานการณ์ดังกล่าวเด็ดขาด!

7. เวียนศีรษะ

ถ้ารู้สึกบ้านหมุน โคลงเคลง เวียนศีรษะ ส่งผลต่อการทรงตัว ไม่ควรไปออกกำลังกายอย่างยิ่ง เพราะอาจจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ ระหว่างออกกำลังกายได้


: pinterest.com

8. อาการคลื่นไส้

คลื่นไส้ มีอาการอยากอาเจียน อึดอัดมวนภายในท้อง และจะตามมาด้วยอาการอ่อนเพลีย หมดแรง หรืออาจจะท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นต้น หากอาการคลื่นไส้ไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงควรไปพบแพทย์ด้วยนะคะ

9. อาการหน้ามืด

อาการหน้ามืด เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนควบคุมความรู้สึกลดลง มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ อาทิ การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายขาดน้ำ หรืออาจจะเกิดจากการยืนตากแดดนานๆ และทานอาหารไม่เพียงพอ

10. ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับในผู้สูงอายุ ถ้าชีพจนเต้นเร็ว 140 ครั้งต่อนาที ควรหยุดออกกำลังกายทันที หรือไม่ควรไปออกกำลังกายเลย เพราะสภาพร่างกายได้ส่งสัญญาณเตือนมาแล้วว่าไม่ไหว ในวัยหนุ่มสาวก็เช่นกัน ถ้าชีพจรเต้นเกิน 160 ครั้งต่อนาที อย่าทำเป็นใจสู้บอกตัวเองว่าไหว คุณควรไปพักให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ แล้วค่อยไปออกกำลังกายจะดีกว่า

Share.